การซื้อคอนโดหรือทรัพย์สินอื่น ๆ ในตลาดอสังหาริมทรัพย์มักจะพบกับข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญากับธนาคารหรือสถาบันการเงิน ซึ่งอาจมีการตรวจสอบประวัติเครดิตของผู้ขอสินเชื่ออย่างละเอียดเพื่อความแน่ใจของธนาคารที่ให้กู้ว่าเครดิตของคุณดีหรือไม่ ซึ่งหากคุณอยู่ในแบล็กลิสต์ (Blacklist) หรือมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี อาจทำให้มีความยากลำบากในการขอสินเชื่อหรือเข้าถึงสินเชื่อเป็นอย่างมาก แต่ยังมีวิธีที่คุณอาจลองดำเนินการต่อได้นั้นคือการลองทำตามคำแนะนำของเราที่ในบทความนี้ โดยเราจะมาแนะนำเกี่ยวกับการอยากซื้อคอนโดแต่ติดแบล็กลิสต์ว่าจะมีวิธีแก้ไขปัญหานี้อย่างไร รวมถึงการแก้ติดแบล็กลิสต์ว่ามีวิธีไหนกันบ้าง แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับ แบล็กลิสต์ (Blacklist) กันก่อนเลยว่าคืออะไร
Blacklist คืออะไร?
“Blacklist” หมายถึงรายชื่อของบุคคลหรือองค์กรที่ถูกบันทึกว่าเป็นคนหรือหน่วยงานที่มีประวัติการกระทำผิดกฎหมายหรือการละเมิดเงื่อนไขหรือข้อกำหนดที่กำหนดไว้ ซึ่งการบันทึกลงรายชื่อในบัญชีดำนั้นสามารถมาจากหลายแหล่งและสามารถเกี่ยวข้องกับหลายประเภทของธุรกรรมทางการเงินที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้อง เช่น
- รายชื่อในบัญชีดำทางเครดิตการเงิน (Credit Blacklist): รายชื่อในบัญชีดำที่เกี่ยวข้องกับประวัติการชำระหนี้ของบุคคล หากบุคคลนั้นไม่ชำระหนี้หรือผิดนโยบายการเงินของธนาคารหรือสถาบันการเงิน อาจถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการยืมเงินหรือใช้บัตรเครดิตได้ในทันที
- รายชื่อในบัญชีดำสำหรับการจ้างงาน (Employment Blacklist): บางบริษัทหรือองค์กรอาจบันทึกรายชื่อของบุคคลที่มีประวัติการละเมิดนโยบายหรือข้อกำหนดการทำงานและอาจประกาศไม่รับสมัครงานจากบุคคลเหล่านั้นในอนาคต ซึ่งบางครั้งหากคุณมีความเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงภายในบริษัทอาจถูกแบล็กลิสต์ได้
- รายชื่อในบัญชีดำสำหรับการเช่าบ้านหรือคอนโด (Rental Blacklist): สถานที่เช่าอาจบันทึกรายชื่อของผู้เช่าที่มีประวัติการละเมิดข้อกำหนดในสัญญาเช่า เช่น การไม่จ่ายค่าส่วนกลาง ซึ่งสามารถทำให้เกิดการปฏิเสธในการให้เช่าและซื้อในอนาคตได้
- รายชื่อในบัญชีดำสำหรับการซื้อสินค้าหรือบริการ (Consumer Blacklist): บริษัทหรือร้านค้าอาจบันทึกรายชื่อของลูกค้าที่มีประวัติการทุจริตหรือการละเมิดข้อกำหนดการซื้อสินค้าหรือบริการและไม่ปล่อยให้สินเชื่อในอนาคตอีกได้
การอยู่ในรายชื่อในบัญชีดำสามารถส่งผลต่อสิทธิ์และโอกาสในชีวิตประจำวันของบุคคลหรือองค์กร และอาจทำให้มีความยากลำบากในการเข้าถึงบริการหรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ ดังนั้น ควรรักษาพฤติกรรมที่ถูกต้องและปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าข่ายถูกบันทึกลงรายชื่อในบัญชีดำในสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์
อยากซื้อคอนโดแต่ติดแบล็กลิสต์ ทำไงได้บ้าง?
1.ปรับปรุงประวัติเครดิต
หากคุณอยู่ในแบล็กลิสต์เนื่องจากปัญหาเรื่องเงินที่ไม่ชำระ คุณควรจะพยายามชำระหนี้ของคุณให้สมบูรณ์และตรงตามเวลา นอกจากนี้คุณควรติดต่อสถาบันเครดิตเพื่อแก้ไขข้อมูลไม่ถูกต้องหรือข้อมูลที่เสียหายในประวัติเครดิตของคุณเพื่อให้คุณสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อีกครั้ง
2.ค้นหาผู้ให้เช่าคอนโดที่มีนโยบายการกู้ยืมเงินที่ยืดหยุ่นกว่า
บางบริษัทหรือผู้ให้เช่าซื้อคอนโดอาจมีนโยบายที่กู้ยืมเงินกับผู้ที่มีประวัติเครดิตไม่ดี คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนักลงทุนที่รับคนที่มีประวัติเครดิตไม่ดีได้จากอินเทอร์เน็ตหรือติดต่อสถาบันเครดิตเพื่อขอข้อมูล เพราะนี้อาจเป็นช่องทางช่วยเหลือที่คุณสามารถกู้ซื้อคอนโดได้
3.ค้นหาคอนโดที่ไม่ต้องการการทำสัญญากับธนาคาร
บางคอนโดหรือโครงการที่ไม่ต้องการการทำสัญญากับธนาคารอาจมีนโยบายที่กู้ยืมเงินให้กับผู้ซื้อโดยตรง ซึ่งคุณสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการเช่าหรือซื้อที่มีอยู่ในตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้
4.ใช้วิธีการชำระหนี้ที่เหมาะสม
หากคุณไม่สามารถขอสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน คุณสามารถพิจารณาการชำระเงินด้วยวิธีการอื่น ๆ เช่น การชำระหนี้ด้วยเงินสดหรือการชำระหนี้ผ่านผู้ขายโดยตรงจะทำให้คุณสามารถกู้ซื้อคอนโดได้อย่างง่าย
5.ปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงิน
การขอคำปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินหรือทนายความที่มีประสบการณ์ในการจัดการกับปัญหาเรื่องเครดิต อาจช่วยคุณหาทางออกในสถานการณ์ที่ยุ่งยากนี้ได้ โดยคุณอาจจำเป็นต้องเข้าไปที่ธนาคารที่ติดแบล็กลิสต์และขอให้เขาช่วยเหลือเพื่อให้การกู้ยืมเงินเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ควรจำไว้ว่าการขอสินเชื่อหรือการซื้อทรัพย์สินอาจมีข้อจำกัดและเงื่อนไขที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินและผู้ขาย คุณควรติดตามข่าวสารการกู้ยืมและเงื่อนไขการกู้ยืมอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้พลาดสิ่งสำคัญในการกู้ยืมเงินไป
วิธีการแก้ติดแบล็กลิสต์มีอะไรบ้าง?
การแก้ติดแบล็กลิสต์ (Blacklist) ขึ้นอยู่กับประเภทของแบล็กลิสต์และเหตุผลที่คุณถูกบันทึกในรายชื่อในบัญชีดำนั้น ดังนั้นควรทำขั้นตอนตามข้อมูลดังต่อไปนี้
1.แก้ไขรายชื่อในบัญชีดำประเภทเครดิต (Credit Blacklist)
- ตรวจสอบประวัติเครดิต: ก่อนอื่นคุณควรรับรายงานเครดิตของคุณจากสถาบันเครดิตต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยและตรวจสอบข้อมูลในรายงานว่ามีข้อผิดพลาดหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่
- ชำระหนี้: หากคุณมีหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระหรือเครดิตที่ไม่ดี ควรพยายามชำระหนี้ให้สมบูรณ์และตรงตามเวลา เพื่อปรับปรุงประวัติเครดิตของคุณ
- ติดต่อสถาบันเครดิต: ถ้าคุณมีข้อมูลไม่ถูกต้องในรายงานเครดิต คุณควรติดต่อสถาบันเครดิตที่เกี่ยวข้องและขอให้แก้ไขข้อมูล
- ขอลดหนี้หรือต่อระยะเวลาชำระหนี้: หากไม่สามารถชำระหนี้ทั้งหมดได้ คุณอาจติดต่อหน่วยงานที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อขอข้อตกลงลดหนี้หรือระยะเวลาชำระหนี้ที่คุณไหวในการจ่ายเงินในส่วนนี้
ควรจำไว้ว่าการแก้ติดแบล็กลิสต์อาจใช้เวลาและความพยายามอย่างสูง และบางครั้งอาจจำเป็นต้องร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณ คุณควรปรึกษากับทนายความหรือที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในกรณีของคุณเพื่อแก้ประวัติในการกู้ซื้อคอนโดให้ง่ายมากยิ่งขึ้น
2.การกู้เงินร่วมกับคนที่ไม่มีประวัติเครดิตบูโร (Co-borrowing)
การกู้เงินร่วมกับคนที่ไม่มีประวัติเครดิตบูโร เป็นวิธีที่คุณสามารถใช้เพื่อช่วยคนที่ไม่มีประวัติเครดิตบูโรในการขอสินเชื่อ โดยคุณและคนที่ไม่มีประวัติเครดิตบูโรจะร่วมยืมเงินจากสถาบันการเงินหรือผู้ให้สินเชื่อ ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียดังนี้
ข้อดี
- มีโอกาสในการขอสินเชื่อ: การมีผู้กู้ร่วมที่มีรายได้และมีความสามารถในการชำระหนี้สามารถเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อให้กับคุณได้ เนื่องจากผู้ให้สินเชื่ออาจพิจารณารายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของทั้งคู่จึงมีโอกาสในการกู้ผ่าน
- อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ: หากคู่กู้มีประวัติเครดิตที่ดีและรายได้มากพอ อาจทำให้คุณได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าในการกู้เงินเพื่อซื้อคอนโด
ข้อเสีย
- ความรับผิดชอบทางการเงินสูงขึ้น: การกู้ร่วมหมายความว่าคุณและคู่กู้ร่วมรับผิดชอบทางการเงินร่วมกัน หากคู่กู้ไม่ชำระหนี้ตามระยะเวลาหรือไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง คุณจะต้องรับผิดชอบทั้งหมดและอาจติดแบล็กลิสต์ได้
- การแบ่งแยกความรับผิดชอบ: การจัดการและแบ่งแยกความรับผิดชอบทางการเงินระหว่างคุณและคู่กู้ร่วมอาจเป็นเรื่องต้องใช้ยุ่งยากและเสี่ยงต่อการจ่ายเงินไม่ทันหากบริหารการเงินไม่ดี เพราะฉะนั้นจึงต้องอาศัยความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก
- การกระทบต่อความสัมพันธ์: การมีความสัมพันธ์กับคนที่คุณกู้เงินร่วมอาจส่งผลให้มีความกังวลหรือความขัดแย้งเกิดขึ้น หากคู่กู้ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือไม่ชำระหนี้ตามระยะเวลาจะทำให้คุณสามารถเกิดการทะเลาะกันได้ เพราะฉะนั้นการกู้เงินควรใช้ความไว้ใจซึ่งกันและกัน และต้องตกลงกันอย่างชัดเจน เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อความสัมพันธ์ที่แน่นเหมือนเดิมและไม่แตกขาดจากกันเพราะเรื่องเงิน
หากคุณตัดสินใจที่จะกู้เงินร่วมกับคนที่ไม่มีประวัติเครดิตบูโร ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและให้ความสำคัญกับการวางแผนการจัดการเงินร่วมกันอย่างละเอียด และควรติดต่อกับสถาบันการเงินหรือผู้ให้สินเชื่อเพื่อขอคำปรึกษาและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกู้เงินร่วมในการซื้อคอนโดหรือทำธุรกรรมอื่น ๆ เพื่อให้ไม่กระทบต่อประวัติการเสียเครดิตและแบล็กลิสต์ที่อาจเกิดขึ้นกับคุณในอนาคตเป็นต้น