ในชีวิตประจำวัน เรามักจะเผชิญกับกลิ่นเหม็น กลิ่นอับในตู้เย็นอันสามารถก่อให้เกิดความไม่สะดวกสบายและรู้สึกแย่ได้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอาหารที่เน่าเสีย หรือกลิ่นเหม็นคาว กลิ่นเหม็นเน่า กลิ่นอับ ดังนั้นวันนี้เราจะนำเสนอวิธี 4 วิธีที่สามารถใช้เพื่อดับกลิ่นในตู้เย็นของคุณให้สดชื่นอีกครั้ง ไปดูกันเลย!
1.ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
การทำความสะอาดตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการดับกลิ่นในตู้เย็นด้วยการใช้น้ำสบู่อ่อน ๆ หรือน้ำส้มสายชูเพื่อล้างที่พื้นและชั้นวางของในตู้เย็น หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในกรณีที่ต้องการความสะอาดมากขึ้น
โดยการรักษาความสะอาดและดับกลิ่นในตู้เย็นอย่างกลิ่นเหม็น กลิ่นอับสามารถทำได้ดังนี้
- เอาอาหารที่หมดอายุออก
เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบและเอาอาหารที่หมดอายุหรือเน่าออกจากตู้เย็น เพื่อป้องกันการก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ล้างภาชนะอาหาร
ล้างภาชนะอาหารก่อนวางลงในตู้เย็นเสมอ เช่น กล่องเครื่องดื่มหรือภาชนะใส่อาหาร ใช้น้ำอุ่นและน้ำยาล้างจานเพื่อล้างออก
- ทำความสะอาดด้านใน
ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นผสมน้ำยาล้างจานอ่อน ๆ หรือน้ำส้มสายชูที่ผสมน้ำเล็กน้อย ทำความสะอาดด้านในของตู้เย็น รวมถึงชั้นวางของอาหารด้วย
- แช่ผ้าชุบน้ำส้มสายชู
หากยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ลองใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูแล้ววางไว้ในตู้เย็น เพื่อช่วยดูดกลิ่นออกไป
- ล้างถาดวางอาหาร
ถอดถาดวางอาหารออกจากตู้เย็น ล้างด้วยน้ำอุ่นและสบู่ และปล่อยให้แห้งแล้ววางกลับในตู้เย็น
- ควบคุมความชื้น
ใช้อุปกรณ์ดูดความชื้นหรือถุงดูดความชื้นเพื่อลดความชื้นในอากาศภายในตู้เย็น ช่วยป้องกันการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ไม่ใส่อาหารที่ร้อน
รอให้อาหารที่ร้อนเย็นถึงอุณหภูมิห้องก่อนวางลงในตู้เย็น เพื่อป้องกันการเพิ่มความร้อนในตู้เย็นที่อาจทำให้เกิดความชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ไม่ใส่อาหารที่ไม่ปิดฝาเข้าไปในตู้เย็น
หากใส่อาหารที่มีกลิ่นเข้าไปในตู้เย็นจะทำให้ตู้เย็นเหม็นมากขึ้นได้ ดังนั้นควรปิดฝาใส่กล่องอาหารให้เรียบร้อย
- ปิดประตูตู้เย็นให้แน่น
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าประตูตู้เย็นปิดแน่น ช่วยให้อากาศภายในตู้เย็นไม่หลุดออกไปกับอากาศภายนอก จะทำให้อาหารไม่เน่าเสียและไม่เกิดกลิ่นเหม็นเน่าและกลิ่นอับ
- ตรวจสอบและทำความสะอาดระบบระบายความร้อน
ตรวจสอบว่าระบบระบายความร้อนของตู้เย็นว่าไม่มีสิ่งสกปรก ควรทำความสะอาดสิ่งเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ
- เปลี่ยนถุงดูดกลิ่น
ถ้าคุณใช้ถุงดูดกลิ่น ควรเปลี่ยนทุก ๆ 2-3 เดือนหรือตามคำแนะนำของผู้ผลิต
การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณใช้งานตู้เย็นที่สดชื่นและสะอาดมากยิ่งขึ้น และป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์จากการสะสมของเศษอาหารและความชื้นในตู้เย็นของคุณได้เป็นอย่างดี
2.ใช้ถ่านดำดับกลิ่นตู้เย็น
การใช้ถ่านดำเป็นวิธีหนึ่งในการดับกลิ่นตู้เย็นได้ โดยถ่านดำ (charcoal) มีความสามารถในการดูดกลิ่นเหม็น กลิ่นอับและสารตกค้างในอากาศ เนื่องจากมีพื้นผิวขนาดเล็กและมีความสามารถในการดูดกลิ่นได้ดี จึงสามารถดูดกลิ่นเหม็น กลิ่นอับและสารไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ออกจากอากาศในตู้เย็นได้เป็นอย่างดี
การใช้ถ่านดำเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการดับกลิ่นตู้เย็น แต่จำไว้ว่าถ่านดำจะต้องเปลี่ยนทุก ๆ 1-3 เดือนเพื่อให้คงความสามารถในการดูดกลิ่นอยู่เสมอ ดังนั้นการทำความสะอาดและความขยันหมั่นเพียรในการดูแลตู้เย็นยังคงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมในการเก็บอาหารที่ดีอยู่เสมอ
3.รักษาอาหารอย่างถูกต้อง
อาหารที่มีกลิ่นเหม็นอาจเป็นต้นเหตุของกลิ่นในตู้เย็น การรักษาอาหารให้ถูกต้องโดยใช้ซองที่ปิดสนิทหรือภาชนะอย่างกล่องอาหารที่ปิดได้ จะช่วยให้ตู้เย็นไม่มีกลิ่นเหม็นที่ไม่พึงประสงค์และช่วยให้คุณมีความสุขในการใช้ชีวิตมากยิ่ง
4.ใช้สารดับกลิ่นตู้เย็น
สุดท้าย หากกลิ่นยังคงอยู่และคุณต้องการวิธีการที่มีผลแน่นอน คุณสามารถใช้สารดับกลิ่นที่ออกแบบมาเพื่อขจัดกลิ่นอาหารในตู้เย็นตามคำแนะนำในฉลาก อย่างเช่น
- เจลดับกลิ่นตู้เย็น FARCENT 150g
- Fridge N Freezer Baking Soda Air Freshener
- กล่องดูดความชื้น ถ่านดูดความชื้น และดับกลิ่น FARCENT 450ml
ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้วิธีใด การดูแลและรักษาตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณมีสภาพแวดล้อมในการเก็บอาหารที่สะอาดและสดชื่นอยู่เสมอ อย่าลืมจัดเก็บอาหารให้เป็นระเบียบเพื่อสุขภาพการใช้ชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมและห่างไกลกลิ่นไม่พึงประสงค์